วันอังคาร, พฤศจิกายน ๑๑, ๒๕๕๑

กลางกลวงกับตีกินอวุโส

อ่านบทความในมติชนเป็นปกติ มติชนเป็นสื่อที่ไม่เป็นกลาง แต่เป็นสื่อที่ยอมให้ทั้งสี่ฝ่ายสามารถ
เข้ามาต่อสู้ในเวทีของตนได้ คนอ่านต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย หลังจากที่ช่วงหนึ่งคุ้ยความไม่ดีของ
ฝ่ายรัฐบาลหนักหน่อย ตอนนี้ฝ่าย พธม. ก็โดนคุ้ยเยอะหน่อย ยิ่งเรื่องชนชั้นสูงลดตัวมาให้คนขับ
รถไฟปลุกระดมยิ่งเป็นสิ่งที่น่าตลกยิ่งนัก ดีที่มีข่าวผีโกตั๊กมากลบ นี่ถ้าผมเป็นเจ้าของโกเต๊กผม
ฟ้องไปแล้ว

คราวนี้มาดูกลางกลวงระดับอวุโสบ้าง

"มหาสยามยุทธ" โดย นพ. ประเวศ วะสี

อ่านแรก ๆ ไม่ได้ดูชื่อคนแต่ง (ไม่ใช่หนังสือทุกเล่มจะอ่านได้ ไม่ใช่บทความทุกเรื่องจะอ่านดี)
อ่านจบรู้สึกดี ก็เลยอยากรู้ว่าใครแต่ง กลายเป็นราษฎรอวุโส ท่านนี้ ถ้าท่านทิ้งช่วงอีกสักหน่อย
ให้ข่าวปฏิวัติมันซาลงอีกซักหน่อย ก็จะดีนะครับ เขียนออกมาตอนนี้นอกจากจะไม่กู้ชื่อแล้วยังทำ
ให้ซากเน่าอีก

วันพุธ, ตุลาคม ๒๙, ๒๕๕๑

ชัดไหมครับพี่น้อง

"ถ้ารักในหลวงให้ อยู่ชุมพร ไม่ต้องไปที่อื่น รักในหลวงให้อยู่บ้าน รักในหลวงให้กลับบ้าน คุณไปแสดงพลังตรงนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก ผมกล้าพูดตรงนี้เพราะผมเป็นตัวจริงเสียงจริงนะครับ รับพระราชกระแสมาเองว่า พวกเราต้องขยาย ทำอย่างไรให้เขาทราบว่า เรามีหน้าที่และทำหน้าที่อะไร ผมไม่ได้เข้าข้างใคร ผมไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ผมรู้อย่างเดียวว่า ผมอยู่พรรคในหลวง และพรรคนี้ใหญ่โตมาก"

ดิสธร วัชโรทัย

ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

วันเสาร์, ตุลาคม ๒๕, ๒๕๕๑

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 4 ปราสาทปราก

อ่านตอนเก่า ๆ ได้ที่

  1. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 1 เหนื่อยมากขอบอก
  2. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 2 ครึ่งวันแรก
  3. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 3 เที่ยววันแรก

หลังจากที่วันแรกชิมลางเดินเที่ยวเดินเล่นกันในเขต Old town square ของปรากเพื่อซึมซับ
บรรยากาศไปพอหอมปากหอมคอแล้ว แม่บ้านตื่นแต่เช้ามาจัดเตรียมข้าวของและอาหาร
ผมตื่นตามมาทีหลังไม่นานนัก แล้วช่วยภรรยาทำอะำไรก๊อก ๆ แก๊ก ตามแต่ที่จะทำได้โดยไม่
ขัดหูขัดตา เจ้าตัวน้อยยังหลับสนิทตามภาษาของเด็กตื่นสาย พฤฒิกรรมของเจ้าตัวน้อยนั้น
เรียกได้ว่าไม่หมดแรงไม่นอน และถ้าไม่ปลุกก็ยากที่จะลุก เนื่องจากพวกเราเลี้ยงลูกเองตลอด
ทำให้เข้าใจได้ว่า ถ้าเจ้านีรนอนไม่เต็มอิ่มหล่ะก็ การเที่ยวหฤโหดในวันนี้คงไม่ผ่าน คนมีลูกทุก
คนคงจะรู้ว่าเด็กนอนไม่เต็มอิ่มนั้นจัดการยากที่สุด

ภรรยาเป็นคนเตรียมของกินของใช้ ในขณะที่พ่อต้องรับผิดชอบเรื่องสิ่งของมีค่าทั้งหลาย เป็น
การแบ่งหน้าที่ที่ไ้ด้ทำกันมาหลายครั้งแล้ว โปรแกรมหลัก ๆ ของเราวันนี้ก็คือเที่ยวปราสาทปราก
ปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากที่พักเราไปก็ไม่ยากนั่งรถรางไปลงหน้าห้าง Tessco
แล้วต่อรถรางสาย 22 ขึ้นปราสาท การขึ้นรถรางนั้นจะต้องดูป้ายก่อนว่าเราขึ้นฝั่งถูกหรือเปล่า
หลัก ๆ ก็คือคุณควรจะมีแผนที่รถราง แล้วดูสุดสายไว้เทียบกับป้ายรถรางว่าไปทางเดียวกันกับ
เราหรือเปล่า ถ้านั่งผิดก็ไม่ต้องตกใจ ลงแล้วขึ้นใหม่ได้ เพราะรถรางที่นี่มีค่อนข้างถี่  พวกเรานั้น
ชำนาญการนั่งรถรางพอสมควรเพราะนั่งมาหลายเมืองหลายประเทศแล้ว การมีรถเข็นของเจ้า
ตัวน้อยจึงไม่มีปัญหาเท่าไหร่นัก แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

รถรางพาพวกเราขึ้นเขาไปผ่านป่าซึ่งเป็นวิวสองข้างทาง ไปยังที่ตั้งของปราสาท จากป้ายที่เรา
ลงนั้นก็จะต้องข้ามถนนเดินไปอีกสองสามร้อยเมตรก็จะถึงหน้าประตูปราสาท อากาศค่อนข้างดี
การเดินร้อยสองร้อยเมตรจึงไม่มีปัญหา

ก็เหมือนกับพระราชวังทั่วไปที่จะต้องมีทหารยืนไว้ให้แขกที่มาเยี่ยมเยียนถ่ายรูป  สิ่งที่ผู้คน
ชอบมากก็คือรอดูทหารเปลี่ยนเวร แต่เราไม่ได้ดูเพราะดูจนเบื่อหลายที่แล้ว อย่างไรก็ตาม
ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย

เมื่อเข้าด้านในชั้นนอกก็จะเห็นยอดโบถส์สีดำทะมึนตั้งโชว์ยอดอยู่ตรงหน้า โบถส์นี้แหละ
ที่เป็นสิ่งที่มองเห็นชัดที่สุดของบริเวณปราสาทจากระยะไกล  เนื่องจากเรามาถึงปราสาทปราก
ค่อนข้างสาย ทางเข้าโบสถ์จึงเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่อคิวเพื่อเข้าไปชมความงามของโบสถ์ ซึ่ง
ตัวโบสถ์มันเข้าฟรี คนจึงเยอะเป็นพิเศษ พวกเราเลยตัดสินใจยังไม่เข้า แค่ดูเวลาปิดไว้แล้ว
เดี๋ยวกลับมาใหม่

โบสถ์ด้านนอกซึ่งเหมือนกันทั่วยุโรป เราเดิมชมรอบ ๆ ตัวโบสถ์ก่อน โดยพยายามดูให้รอบ ๆ
จะได้ไม่ต้องดูซ้ำสอง

รูปปั้นที่ดูน่ากลัวรอบ ๆ โบสถ์

และแน่นอนตามธรรมเนียมไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องมีบางส่วนปิดซ่อม ใครโชคดีก็เจอส่วนที่
ไม่สำคัญซ่อมอยู่ ใครโชคร้ายก็เจอส่วนไม่สำคัญ เที่ยวนี้เราก็เจอบางส่วนปิดซ่อมเหมือนกัน

เนื่องจากเรามี Prague Card เราจึงวางแผนเที่ยวให้หมด ผมซื้อสติกเกอร์สำหรับถ่ายรูป
ราคาสองยูโรไว้ติดตัวด้วย เผื่อเอาไว้เวลามีเจ้าหน้าที่มาเตือนจะได้โชว์ ภายในปราสาท
ปรากนั้นไ่ม่น่าดูเท่าไหร่นัก อยู่ในสภาพที่กำลังปรับปรุง จุดที่ผู้คนให้ความสนใจมากกว่า
ก็เห็นจะเป็นจุดชมวิว ซึ่งสามารถมองทิวทัศน์ของปรากได้ในมุมกว้างเห็นหลังคาสีส้มได้
ทั่ว

สำหรับช่วงแรกของการเที่ยวปราสาทปรากนั้น ผมไม่ค่อยจะประทับใจเท่าไหร่ เพราะ
ไม่ค่อยมีอะไรให้ดู

เอาเป็นว่าดูรูปไปพลาง ๆ จุดต่อไปที่เราจะไปเที่ยวกันนั้น ยังอยู่ในปราสาทปราก
แต่เป็นส่วนที่ผมชอบมาก ๆ นอกจากมีเรื่องราวมากมายยังมีสิ่งของให้ดูเยอะแยะ
ไปหมด นั่นคือส่วนของบ้านศิลปิน หรือที่เรียกว่า Golden Lane นั่นเอง

Golden Lane นั้นชื่อที่คนไทยรู้จักก็คือบ้านศิลปิน ภาพแรกเห็นของตรอกเล็ก ๆ แห่ง
นี้ก็คือตึกแถวหลังเล็ก ที่มีสินค้าหลากหลายไว้บริการแขกผู้มาเยือน ซึ่งเด่นที่สุดเห็นจะ
เป็นร้านที่ขายชุดนักรบโบราณ เพราะว่าพอเข้าตรอกบ้านศิลปินมาก็จะเจอชุดเกราะนัก
รบโบราณชี้ชวนให้ขึ้นไปดูข้างบน

คนขึ้นไปไม่เยอะมากหรอกครับ คงไม่กล้าขึ้น เพราะทางเดินทั้งแคบและมืด
ถ้าวัดขนาดของชุดเกราะ คนสมัยก่อนก็ไม่ได้ตัวเล็กอะไรแต่บ้านนั้นจะเล็ก ๆ
แคบ ๆ พอขึ้นไปด้านบนก็จะพบตู้โชว์ชุดเกราะ อาวุธ ต่าง ๆ ของนักรบโบราณ
เต็มไปหมด

ส่วนของโล่ห์

ที่ทรมานนักโทษ

ชุดเกราะเด็ก ชั้นสามในส่วนขายชุดเกราะที่ระลึก (ใครจะซื้อ)

ตู้โชว์ชุดนักรบโบราณ ที่มีป้ายบอกยุคสมัยและบอกด้วยว่าเป็นของใคร (น่าจะทำขึ้นใหม่)

จะเห็นว่าคนไม่เยอะ

ดูป้ายกันชัด ๆ

ในชั้นบนนี้ชุดที่เป็นจุดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นชุดเกราะของกษัตริย์
ซึ่งป้องกันการสูญพันธ์กันเลยทีเดียว

พอเดินเที่ยวส่วนชุดเกราะได้สักพัก เจ้าตัวน้อยก็ทำเรื่องอีกแล้ว คือปวดฉี่ขึ้นมา
ตอนนั้นอยู่ชั้นสอง ต้องอุ้มวิ่งลงมาข้างล่าง หาห้องน้ำไม่เจอ ทำไงได้ก็วิ่งไปฉี่
หลังตึก(ปราสาท) ค่อนข้างโล่งใจที่เจ้าตัวน้อยฉี่ตรงนี้ เพราะบริเวณหลังกำแพงนี้
ไม่บอกก็รู้ว่านอกจากเป็นหลังเขาแล้วยังเป็นส้วมสาธารณะของแขกผู้มาเยือน
อีกด้วย รู้ได้ด้วยกลิ่น

พอกลับมาที่ตรอกเราก็ไปดูร้านทำเครื่องแก้ว ร้านนาฬิกา และจุดที่สำคัญที่สุดที่
ผู้คนมักจะไม่รู้ ก็คือบ้านเลขที่ 22 สีฟ้าใส บ้านที่ทำให้ถนนแห่งนี้มีชื่อว่า ตรอก
ทองคำ ถ้าสังเกตดี ๆ บ้านนี้จะมีป้ายชื่อเจ้าของบ้านด้วย คือบ้านของ
Franz Kafka
นักเขียนชื่อดังมาก ๆ และได้มานั่งทำงานในบ้านหลังนี้ ผู้คนตา
น้ำข้าวมากมายพอเจอบ้านหลังนี้ก็ตรงรี่เข้าไปถ่ายรูปทีเดียว ในขณะที่คนเอเชีย
ให้ความสนใจกับบ้านหลัง ๆ เล็ก หน้าตาแปลก ๆ มากกว่า ที่ตรอกแห่งนี้ยังเป็นที่
อยู่ของนักเขียนโคลงกลอนรางวัลโนเบลอีกคนนึ่งคือ Jaroslav Seifert ด้วย

พอจบจากบ้านศิลปินแล้ว เราก็เดินวนไปเที่ยวด้านหลังปราสาทจะคนไทย
หลายคนที่มาประชุมวิชาการที่นี่ (มีอาจารย์หมอมาประชุมที่นี่ร่วมสองร้อยคน) ก็
โชคดีเหมือนกันที่ได้เจอกับกลุ่มของน้องชาย แล้วเราก็ย้อนกลับไปยังโบสถ์ที่เรา
เดินผ่านมาตอนแรก การเที่ยวปราสาทปรากครึ่งแรกก็จบลงเท่านี้

วันศุกร์, ตุลาคม ๒๔, ๒๕๕๑

ES21 303

ตอนนี้เป็นตอนที่เฉลยทุกสิ่งทุกอย่าง พูดง่าย ๆ ว่ายืดนั่งเอง บล็อกนี้ก็เคยเอาไว้ทดสอบความดัง
ของการ์ตูนเรื่องดังนี้ว่าจะดังสู้นารูโตะได้หรือไม่

Naruto 422

คนแต่งไม่มั่ว (การอ่าน scan เวอร์ชัน นั้นเป็นเรื่องผิดนะครับ แต่อยู่เมืองนอกก็ทำใจลำบาก)
ข้างล่างมีการเปิดเผยเนื้อหาเล็กน้อย

ส่วนใหญ่ที่เราจะได้เห็นการ์ตูนญี่ปุ่นเริ่มเรื่องจากหน่วยงาน สำนัก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เจ๋งสุดยอด
(รวมไปถึงหนังจีนกำลังภายใน สำนักบู๊ตึ๊งด้วย) พอผ่านตอนแนะนำตัวไปแล้ว เราก็จะไม่เห็นความ
เก่งของสำนักนั้นอีกเลย ต้องพึ่งพระเอกซึ่งเป็นลูกนอกคอก ตัวประหลาด อะไรจำพวกนี้มาช่วย
และหลังจากนั้นคนของสำนักนี้ก็ไร้ประโยชน์ (เห็นได้ชัดยิ่งตอนทำหนัง)

นารูโตะนั้นต่างออกไป อ่านมาหลายปีแล้ว โคโนฮะเยี่ยมอย่างไรก็เยี่ยมอย่างนั้น เป็นการตอกย้ำ
ได้อย่างดีว่าทำไมหมู่บ้านนี้ถึงยิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องกสร้างนินจาด้วยวิธีฆ่าล้างตระกูลมากนัก
ในเรื่องนี้จะเห็นได้ว่ามีการบุกหมู่บ้านหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะมีนินจาเจ๋ง ๆ ออกมาสู้เสมอ ถึง
แม้จะเป็นหน้าเดิม ๆ แต่หน้าเดิม ๆ เหล่านี้ก็รักษาระดับความเก่งไว้

บางคนเช่น คาคาชิ อาจจะเก่งขึ้นทุกตอน แต่ก็ไม่แปลกเพราะเขามีการฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งบอกเอาไว้ตั้งแต่เริ่มภาพสองแรก ๆ ตอนใหม่นี้มีการเอาใจแฟน ๆ ของคาคาชิด้วย น่าเสียใจที่
เราจะได้เห็นคาคาชินอนโรงพยาบาลอีกแล้ว ส่วนเรื่องของตัวช่วยแล้วยิ่งหักมุขมาก ๆ ตอนแรก
ผมเดาว่าไกมาช่วย ปรากฏว่าไม่ใช่  นั่นหมายความว่าไกจะไปช่วยด้านอื่น เนื้อเรื่องเลยเดายาก
ขึ้นไปอีก

กลายเป็นว่าเทพเพนจะแย่หรือเปล่าไม่รู้ เดาเนื้อเรื่องว่า
เพนกับโคนันหนีได้(คาถาเชิญย้อนกลับ เป็นการเฉลยวิธีการหายตัวของนินจา) พอนารูโตะกลับ
มาก็จะมีการวางแผนการจัดการกับเพน แล้วนารูโตะก็เดินทางไปหมู่บ้านของเพนคนเดียว ส่วน
เรื่องราวของมาดาระ กับฮันโซ น่าจะเป็นคนละคน

เนื้อเรื่องคงอีกไกล ภาคสองคงกินเวลาอีกสามสี่ปีเป็นอย่างน้อย แปดหางต้องเจอเก้าหางแน่
นอน(เรียนวิธีต่อสู้กับคาถาลวง) ศึกสุดท้ายต้องเป็นเกะสู้โตะอยู่แล้ว

วันศุกร์, ตุลาคม ๑๗, ๒๕๕๑

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 3 เที่ยววันแรก

อ่านตอนเก่า ๆ ได้ที่

  1. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 1 เหนื่อยมากขอบอก
  2. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 2 ครึ่งวันแรก

หลังจากที่เราพักผ่อนและเปลี่ยนอิริยาบทจากการนั่งรถไฟอันยาวนานแล้ว เราก็เริ่มวางแผนว่าจะ
เที่ยวอย่างไรให้ไม่ต้องกลับมาอีก และเพื่อหลีกเลี่ยงคำถามที่จะมีคนมาถามว่าได้ไปนั่นมาหรือ
เปล่า ได้ไปนี่มาหรือเปล่า ทำให้ 5 วันกลายเป็นวันที่ทั้งประทับใจ ทั้งเหนื่อย ที่น่าแปลกใจคือวันที่
สองเจ้าตัวน้อยถึงกับสลบไปตั้งแต่หัวค่ำและนอนยาวไปถึงเช้า เท่าที่รู้น้อยครั้งมากที่เจ้านีรจะเป็น
อย่างนั้น

จากโรงแรมที่เราพักนั้นเดินลงเขามานิดเดียวก็ถึงป้ายรถรางที่เป็นชุมทาง คือมีรถรางสามสี่สายวิ่ง
ผ่านจากตรงนี้จุดแรกที่เราจะไปคือโรงแรมที่น้องชายของภรรยาพัก ไปไม่เจอก็เลยฝากข้อความ
ไว้กับเจ้าหน้าที่ แล้วเราก็มุ่งหน้าเข้าเมืองโดยมีเป้าหมายว่าเดินเล่นรอบ ๆ ไม่เที่ยวเจาะที่ได้ที่หนึ่ง

จุดแรกที่ไปนั้นเป็นสถานีรถรางใหญ่แล้วเราก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะไปเจอสถานที่ข้างบน
ด้านขวามือเป็นโรงโอเปร่าที่สวยงามที่ชื่อ Municipal House ที่ดูใหม่และขัดแย้งกับด้านซ้ายมือ
อย่างยิ่ง ซึ่งด้านซ้ายคือ powder gate tower สีดำเมี่ยมเลย (แสดงว่าเก่ามาก) จริง ๆ เรามี
โปรแกรมจะขึ้นไปข้างบนด้วยแต่ไม่ได้ขึ้น เข้าโรงโอเปร่าก็ไม่ได้เข้าเพราะเกรงว่าเจ้าตัวน้อยจะ
ไปรบกวนคนอื่น อีกอย่างไม่มีเงินและแต่งกายไม่เหมาะสมในการเข้าชมด้วย จุดนี้ผู้คนพลุก
พล่านมากและวันแรกเจ้าตัวน้อยก็ทำเรื่องที่น้อยคนนักจะได้ทำอีกแล้ว คือการยืนฉี่ข้างตู้
โทรศัพท์ตรงข้าม Municipal House นั่นและ บ้านเราเวลาสุดปัญญาจริง ๆ ก็จะท่องคาถาว่า
"หมายังเี่ยี่ยวได้ ทำไมเด็กจะฉี่ไม่ได้" จริง ๆ เจ้าตัวน้อยหลังจากที่ปฏิเสธผ้าอ้อมสำเร็จรูป
ท่านก็สร้างวีรกรรมไว้หลายครั้ง ที่ปรากนี่ก็นับไม่ถ้วน

พอเดินทะลุตัวป้อมเข้ามาก็จะเห็นฉากหลังของ powder gate ซึ่งสวยงามมากทีเดียว ประกอบ
กับวันแรกฟ้าสวย ถึงแม้กล้องจะไม่ดีก็ัยังพอได้ภาพสวย ๆ (รูปแต่งนิดหน่อย)

เดินชมนกชมตึกไปเรื่อยคุณก็จะมาถึงจุดที่เรียกว่า Old town square ตรงนี้ผมคอยเตือน
ภรรยาว่ายังเรายังไม่เที่ยวแค่สำรวจ (ผมบ้าเนาะ) ที่นี่เป็นจุดที่ผู้คนเยอะมาก และสำหรับวัน
แรกนี่เราก็ไม่คิดเลยว่าเราต้องมาที่นี่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะมันสวยประทับใจอะไรมาก แต่ขากลับ
โรงแรมนึกอะไรไม่ออกก็มาที่นี่ก่อน ที่ Old town square มีสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ให้ดูเยอะ
มาก ๆ และเป็นโชคดีที่เราเข้าไปข้างในได้หมด ซึ่งจะมาเข้าวันหลัง

โบสถ์ St. Nicholas Church ศิลปะบาร็อก ถ้ามองจากจุดที่เดินมาก็จะอยู่ทางด้านซ้ายมือสุด
และถ้าคุณหลังกลับไปหลังจากเดินมาได้นิดหน่อย คุณก็จะได้เห็นโบสถ์สองยอดที่สวยงามเป็น
จุดที่เด่นที่สุดของฟากนี้ (เข้าฟรี ข้างในสวยงามทีเดียว)

ซึ่งโบสถ์ที่ว่านี้มีชื่อว่า Týn Cathedral ซึ่งชื่อเต็ม ๆ คือ The Church of Our Lady in front of
Týn ถึงตรงนี้พอพ่อแม่เริ่มมัน ลูกน้อยก็เริ่มเบื่อ ไม่รู้จะชื่นชมความงามอะไรกันนักหนา วิธีแก้ก็ต้องตาม
ใจลูกบ้าง ชี้ชวนให้ดูโน่นดูนี่มั่ง ให้เข็นรถเข็นบ้าง ก็พอจะลดความหงุดหงิดของเจ้านีรลงได้บ้าง

นี่ไง หลังจากได้เข็นรถเข็น อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้

ที่เห็นในรูปข้างบนคือ Old Town Hall ที่เป็นที่ตั้งของ Astronomical Clock อันโด่งดัง ใครผ่านมา
ที่นี่ก็จะทำสองอย่าง
คือถ่ายรูปกับนาฬิกาและรอดูตุ๊กตาไขลาน อันนี้ต้องขอบอกว่าถ้าใครจะไป
มึนเซ่น(มิวนิค)
ต่อก็ไม่ต้องเสียเวลาดู เพราะที่ศาลาว่าการเมืองที่นั้นมีตุ๊กตาไขลานที่น่าดูกว่า
เยอะ
แต่ถ้าใครไม่ได้ไปเยอรมันต่อ ตรงนี้ก็น่าดูมาก อย่างน้อย ๆ ก็ได้ร่วมตื่นเต้นกับฝูงชนเพื่อคอย
ชี้ชวนให้เล็งตุ๊กตาไขลานที่ว่า ใน Old Town Hall มีไกด์ รถม้า เอกชน ไว้บริการมากมาย และข้าง
ในก็มีห้องน้ำ (เสียเงินเล็กน้อย) และข้อมูลบริการนักท่องเที่ยว วันนี้เรายังไม่ขึ้นไปข้างบน ซึ่งจะมา
ขึ้นในวันหลัง

ช่องหน้าต่างด้านบนนาฬิกานี่แหละ ที่ผู้คนให้ความสนใจมากกว่านาฬิกา สำหรับตัวผมก็ตื่นเต้น
ไม่ใช่น้อย เพราะคนพยายามชี้ให้ดู แต่ก็มองไม่เห็น ตรงนี้คุณอาจจะได้พบเจอคนไทยด้วย

แม่คนสวยกับลูกชายสุดหล่อก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย สังเกตเจ้านีรครึ่งบน(ส่วนหัว)นั้น
เหมือนแม่ยังกะโขกดินน้ำมันออกมา

มุมที่สวยที่สุดของ Old Town Square ในสายตาผม ช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วงเป็น
ช่วงที่เหมาะสมกับการเที่ยวมากที่สุด เพราะอากาศไม่ร้อนและแสงแดดมียาวไปถึงสองทุ่ม ที่แย่
หน่อยก็คือมันเป็นฤดูท่องเที่ยว ถ้าอยากพักโรงแรมค่าที่พักจะแพงขึ้นมาก ตรงบริเวณตรอกที่เห็น
ในรูปข้างบน ด้านซ้ายมือจะมี hostel ที่ว่ากันว่าดีที่สุดด้วย แต่ต้องจองกันนานหน่อย จากตรงนี้เรา
ก็เดินกลับหลังแล้วเดินตรงออกมา

เดินตรงไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามทางไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอสิ่งที่ทุกคนถามหาเมื่อมาเยือนปราก นั่นคือ
Charles Bridge, Prague ภาพที่เห็นตรงเบื้องหน้าคือ Old Town Bridge Tower จุดเริ่มต้นด้าน
หนึ่งของสะพานที่มีชื่อเสียง ทั้งตัวหอคอยและตัวสะพานนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเป็น
สัญลักษณ์ของปราก น่าเสียดายจริง ๆ ที่ช่วงที่ไปสะพานปิดซ่อมพื้นบางส่วน ทำให้จำนวนคนขาย
ของนั้นน้อยลงไป และรูปปั้นบางรูปก็ไม่สามารถถ่ายได้ ซึ่งรูปปั้นแต่ละอันนั้นจะมีประวัติรวมถึง
ความเชื่อต่าง ๆ ที่ผู้คนจะต้องไปสัมผัส แน่นอนครอบครัวเราก็มาที่นี่ทุกวันเหมือนกัน

ภาพถ่ายปราสาทปราก ปราสาทโบรณาณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จริง ๆ แสงหมดแล้ว ภาพ
ที่เห็นนั้นมีการแต่งแสงพอสมควร วันพรุ่งนี้เราวางแผนจะไปเที่ยวที่นั่นกัน พอถ่ายรูปชุดนี้เสร็จ
ก็ทุ่มกว่าแล้ว เราต้องรีบไปขึ้นรถรางเพื่อไปซื้อของที่ Tessco ที่เปิดแค่สองทุ่ม พอลงรถราง
ได้เราก็วิ่งเข้าห้าง Tessco ทันที ของที่ซื้อก็คือน้ำดื่ม ข้าวหอมมะลิ (เราเอาหม้อหุงข้าวมาด้วย
ก็ต้องประหยัด) ขนมปัง ผักสด นมสด แอปเปิล ที่ขาดไม่ได้คือไก่รมควันทั้งตัว รายการหลังเนี่ย
ได้ประสบการณ์จากตอนที่ไปเที่ยวปารีสคราวก่อน เพราะตัวหนึ่งกินได้สามวันทีเดียว แถมราคา
แค่ประมาณสามยูโร เวลากินก็ง่ายเนื่องจากสุกแล้ว ยัดเข้าไมโครเวฟสองสามนาทีเป็นอันกินได้
ซื้อไปซื้อมาของเต็มสองมือ

ที่ปรากนั้นมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือคนที่อายุประมาณ่ห้าสิบขึ้นไปนั้น พวกนี้จะไม่ค่อยยิ้มแย้มและ
เป็นมิตรเท่าไหร่ เนื่องจากผ่านช่วงลำบากมาเยอะ สงคราม อยู่ภายใต้การปกครองของโซเวียต
คนแก่ที่นี่จะพูดภาษาเยอรมันได้ เพราะว่าปรากเคยตกเป็นของนาซีอยู่พักหนึ่ง และจะพูดภาษา
อังกฤษไม่ได้ แต่คนหนุ่มสาว (หน้าตาดูดีกว่าเยอรมัน) จะพูดภาษาอังกฤษกันคล่อง
(อันนี้น่าจะเป็นข้อพิสูจน์อันหนึ่งว่า ภายใต้การปกครองของโซเวียตผู้คนไม่น่าจะมีความสุขกัน)

ก่อนกลับบ้านเราำแวะโรงแรมที่น้องชายของภรรยาผมพัก แล้วเจ้าตัวเล็กก็ได้ของฝากจากเมือง
ไทยเพียบ ที่ถูกใจสุด ๆ เห็นจะเป็นชุดนี้ (น้องสาวภรรยาซื้อฝากมา)

เจ้าตัวเล็กใส่ไม่ยอมถอด ใส่กระโดดไปกระโดดมาอยู่เป็นชั่วโมง ขณะที่กำลังจะออกลาดตระเวณ
ก็สะดุดขากางเกงหัวฟาดพื้นดังตุบ คราวนี้เจ็บหนักเก็บอาการไม่อยู่ปล่อยโฮออกมาสามสิบวินาที
แล้วก็ซ่าต่อ

วันพุธ, ตุลาคม ๑๕, ๒๕๕๑

รบแล้ว จะหลอกจะจริงก็รบแล้ว เลื่อนแล้วเลื่อนจริง ๆ

ขอให้คุณพระคุ้มครองทหาร(ถอดเครื่องแบบก็คือประชาชน)ทั้งสองฝ่าย(ทั้งไทยและเขมร)ไม่ให้ต้องสูญ
เสียอวัยวะหรือชีวิตเลย

 

ข่าวดีมาก ๆ ช่วงเวลาเดียวกันข่าวร้ายข้างบน ECC 2009 เลื่อนเวลาส่งไปถึง 2 พฤศจิกายน โน่น
อย่างว่ามันประกาศผลตั้งมีนาคม 2009 อะไรจะบังคับให้ส่งเร็วขนาด