วันเสาร์, พฤษภาคม ๑๙, ๒๕๕๐

เที่ยวปารีสกับเจ้าตัวน้อยห้าวันห้าคืน ตอนที่ 2 กระเป๋า

ก่อนออกเดินทาง ปารีสเป็นมหานครที่มิได้อยู่ในใจเลยสักนิด คิดว่าก็คงคล้าย ๆ กันกับที่อื่น
มีดีตรงนี้เป็นแหล่งเครื่องสำอางชั้นดีราคาถูก
และกระเป๋าชื่อดัง

ผมเริ่มเห็นถึงปัญหาของเจ้าตัวน้อย ตั้งแต่
คราวที่ไปเยี่ยมเพื่อนสนิทที่ Mannheim และ
มีโอกาสได้แวะไปเที่ยวปราสาทเก่าที่
Heidelberg
ก่อนกลับบ้าน  เจ้าตัวน้อยวัย
สอดรู้สอดเห็นที่นอกจากจะสอดรู้สอดเห็นไป
ซะทุกเรื่องแล้วเที่ยวนี้ยังถือโอกาสป่วย ทำให้กำลังในการต่อต้านความยับยั้งชั่งใจน้อยลงไปถนัด
ตา ทุก ๆ ครั้งที่กล้องคู่ใจที่ถูกใช้มาแล้วสามปีถูกดึงออกจากกระเป๋ากล้อง เจ้าตัวน้อยเป็นต้องร้อง
ของมีส่วนร่วมในการเป็นผู้บันทึกภาพ หาได้เป็นผู้ถูกบันทึกอย่างที่เคยเป็นมา นี่คือปัญหาแรกคือโอกาสถ่ายรูป

จะน้อยลงไป ถ้ายังคงใช้กล้องตัวเดียว กล้องโซนี P10 ที่ทนยังกะแรดและถ่ายภาพยังสวยเมื่อแสง
แดดเป็นใจ มันมีแท่งหน่วยความจำขนาด 256 MB และ 32 MB โดยปกติจะถูกตั้งให้ถ่ายที่สามล้าน
พิกเซล ถ่ายอย่างเก่งก็ได้แค่สองวัน การไปเที่ยวห้าวันห้าคืนจึงต้องหาอุปกรณ์เสริม แต่ด้วยความที่
ผมเห็นว่าราคาการ์ดหน่วยความจำชนิดอื่นขนาด 2 GB หาซื้อได้ทั่วไปแค่ 16-20 ยูโรเท่านั้น การลง
ทุนเพื่อซื้อแท่งหน่วยความจำเฉพาะยี่ห้อของโซนี ดูจะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย นี่คือ
ปัญหาที่สอง ผมได้ใช้เวลาที่เหลือหนึ่งเดือน ทุก ๆ ครึ่งวันในการสืบเสาะหากล้องขนาดเล็กที่คุ้มค่า
และราคาต้องไม่เกินสามร้อยยูโร ที่สำคัญมันต้องใช้ SD-card

และระยะเวลาหนึ่งเดือนกับเงินสามร้อยยูโรก็ไปจบลงที่ canon IXUS 800 กล้องชนะเลิศของปีที่
แล้วซึ่งกว่าจะได้ก็ปาเข้าไปวันพุธของอาทิตย์เดียวกับวันเสาร์ที่ต้องออกเดินทางแล้ว การแก้ปัญหา
ด้วยวิธีนี้นอกออกจะคุ้มค่าในแง่หนึ่งและไม่คุ้มค่าในแง่หนึ่ง กล่าวคือเรามีกล้องที่ไม่ล้าสมัยนัก และ
คุณภาพดีกว่ากล้องตัวเก่า มีหน่วยความจำเหลือเฟือเพียงพอที่จะถ่ายรูปเที่ยวทั้งห้าวันด้วยความ
ละเอียด 6 ล้านพิกเซลแต่เราต้องสูญเสียกล้องตัวเก่าให้ไอ้ตัวเล็กไปแบบถาวร รัปประกันได้ว่าไม่เต็ม
ใจ เป็นอันว่าสามร้อยยูโร

แรกนี้หมดไปกับเรื่องกล้อง กำลังคิดอยู่ว่าจะคิดเป็นงบ
ประเมินด้วยหรือไม่

ภรรยาได้ติดต่อกับเพื่อนที่ฝรั่งเศสเพื่อนัดแนะจุดนัดพบ และ
ได้ข้อมูลว่าอาหารในปารีสนั้นแพงมาก ไม่ควรที่จะหากินทุก
วัน เน้นว่าทุกวันไม่ใช่ทุกมื้อ ข้อมูลตรงนี้ก็พอรู้ได้จากราคา
ที่พักที่ได้บอกไปตอนที่แล้ว มันไม่รวมอาหารเช้า ถ้าเอา
ด้วยต้องเพิ่มเงิน 7-8 ยูโรต่อหัว ใครจะไปกินมันหล่ะ
(อาหารเช้าแบบยุโรปนั้นมันแค่ขนมปัง เนย แยม ไข่ต้ม แค่
กินกันตาย ใครจะไปทนกินตั้งห้าวัน) ซึ่งบทสรุปคือเราไม่กิน
อาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้ พวกเรามีหน้าที่เตรียมหม้อหุง
ข้าวขนาดเล็กซึ่งได้อนุเคราะห์จากนักเรียนไทยคนอื่นไป
ด้วย ส่วนเพื่อนของภรรยาจะเตรียมข้าวสารอาหารแห้งไป
ส่วนมื้ออื่น ๆ ก็จะซื้อเพิ่มเติมเอา และกะว่าจะกินอาหารต้นตำรับฝรั่งเศสแค่มื้อสองมื้อเท่านั้น

กระเป๋าสี่ใบ ถูกจัดให้พร้อมสำหรับขึ้นเครื่อง (ต้องไม่มีของเหลวเกิน 100 ml แย่ใส่ถุงพลาสติกใส นม
เด็กเอาไปได้ ของที่ซื้อใน Duty Free เอาขึ้นเครื่องได้ อะไรวะ) ทั้งนี้เพราะเราต้องการประหยัดเวลา
จากสนามบินไปยังโรงแรมที่พัก กว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ถูกบรรจุไปด้วยสัมภาระของเจ้าตัว
เล็ก โดยเราต้องแบ่งหน้าที่กันให้ชัดเจน

  1. พ่อจะต้องดูแลเอกสารสำคัญ กล้องถ่ายรูป กระเป๋าลากใบใหญ่ กระเป๋าเป้ใบเล็ก
  2. แม่จะต้องดูแลรถเข็น กระเป๋าลากใบเล็ก กระเป๋าสะพายสำหรับใส่เครื่องใช้ของเจ้าตัวเล็ก
  3. เจ้าตัวเล็กจะต้องดูแลตัวเองให้อยุ่ในความสงบ

เวลาจัดของนั้นสำคัญมาก จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายหน ผมมีหน้าที่แค่เตรียมเสื้อผ้า
ส่วนตัววางไว้ให้ภรรยา และจัดเอกสารกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ทำมากกว่านั้น การจัดกระเป๋า
ด้วยคน ๆ เดียวนั้น นอกจากจะสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังลดปัญหาเรื่องความสับสน คำถามประเภทเธอ
เอานั่นใส่หรือยังคุณเอาไอ้นั่นใส่หรือยัง จะไม่ค่อยมี นอกจากนั้นการไปเที่ยวเมืองใหญ่คุณต้องเตือน
ตัวเองอยู่เสมอว่านี่เราไปเมืองใหญ่นะ (จริง ๆ ความคิดนี้ใช้ไม่ค่อยได้กับเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรป ไว้
ตอนหลังจะบอกว่าทำไม)

เป็นอันว่าตอนนี้ขึ้นต้นด้วยกระเป๋าและจบลงที่กระเป๋า ชื่อตอนก็เลยต้องตั้งเป็นกระเป๋าอย่างเลี่ยงไม่
ได้

ไม่มีความคิดเห็น: