วันอาทิตย์, ตุลาคม ๒๘, ๒๕๕๐

เดินเที่ยววันอาทิตย์

อาทิตย์นี้เป็นวันอาทิตย์ที่ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะขยันหรอกแต่เป็นเพราะเวลามันเปลี่ยน เดิน
ช้าลงหนึ่งชั่วโมง นั่นหมายถึงเวลาที่เมืองไทยเร็วกว่ายุโรปหกชั่วโมงแล้ว คนดูบอลก็ต้องนอนดึกขึ้น
นะครับ

อาทิตย์ที่แล้วผมได้พาน้องนีรปั่นจักรยานไปอีกฟากของเมือง แล้วได้แวะพักสนามเด็กเล่นไปสองจุด
(สนามเด็กเล่นเหล่านี้แลกมาด้วยเงินภาษีรายเดือนที่ค่อนข้างสูงทีเดียว) อาทิตย์นี้เราเปลี่ยนทิศไป
ยังทะเลสาบ อากาศวันนี้นอกเสียจากว่าหนาวมากแล้วก็ดีไปหมด แม่น้องนีรก็เลยขอออกไปออก
กำลังกายด้วย กว่าจะจับเจ้านีรแต่งตัวได้ก็เล่นเอาเหนื่อย พอเจ้าตัวน้อยออกไปนอกบ้านได้เท่านั้น ก็
วิ่งรี่ไปหาจักรยานส่วนตัวทันที บอกให้ไปนั่งคันใหญ่ก็ไม่ไป ผลก็คือต้องไปกันสามคนพร้อมจักรยาน
สองคัน (อาทิตย์หน้าจะได้เพิ่มมาอีกคันจากอีเบย์)

ทางไปทะเลสาบค่อนข้างไกล ผมก็เลยสลับกับแม่น้องนีรขี่จักรยาน ในยามนี้ตลอดสองฝั่งถนนจะเต็ม
ไปด้วยใบไม้ร่วงหลากสีสมกับเป็นฤดูใบไม้ร่วงจริง ๆ แต่ก็สวยแปลกตาไปอีกแบบ (อยู่มาสีปีก็พึ่งปีนี้
แหละที่ได้ออกมาดู ขอบคุณจักรยานจริง ๆ )

ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าคุณแม่ขี่จักรยานคันใหญ่นำหน้า ส่วนเจ้านีรก็ไถจักรยานตามหลังคอยหาจังหวะ
ที่แม่หยุดคอยหรือเผลอคอยจะแซงตลอด ไปกันได้สักพักเราก็มาถึงทะเลสาบใหญ่อันเป็นหัวใจของ
เมืองฮาร์บวร์กแห่งนี้ เนื่องจากวันนี้อากาศดีผู้คนเลยคราคร่ำเต็มรอบทะเลสาบไปหมด ที่สำคัญเรา
เจอท่านศาสตราจารย์ อาจารย์ที่ปรึกษาของผมด้วย แฮะ ๆ เจอกันบ่อยจริง ๆ เที่ยวนี้พาลูกสาวมาขี่
จักรยานเล่นเหมือนกัน

มีเป็ด นก ห่าน เต็มไปหมดเลย ทีนี้น้องนีรเป็นฝ่ายเหนื่อยบ้าง เพราะว่าไถจักรยานมาร่วมกิโลฯ เรา
เลยแวะพัก ให้เจ้าน้องนีรได้ไถก้นบนกระดานลื่นแทนจักรยานสักพัก ส่วนคุณภรรยาก็ปอกลูกแพรแจก
คุณพ่อและคุณลูกกินกันเป็นที่เอร็ดอร่อย พออิ่มแล้วเราก็ออกเดินทางต่อไป

เส้นทางที่เหลือเป็นการเดินทางรอบทะเลสาบ กินระยะทางเกือบสองกิโล เจ้าเด็กน้อยวัยสามขวบ
ของเราก็สู้สุดฤทธิ์ ไถจักรยานคันเก่งไปได้เรื่อย ๆ แบบไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อย ทั้ง ๆ ที่เส้นทาง
ต้องขึ้นเขาลงห้วยอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจะเห็นขุนเขาหรือภูผา น้องนีรก็ยังใจสู้และยิ้มได้เสมอ

พอครบรอบ เจ้าน้องนีรก็หอบเหนื่อย เราเลยจำใจควักเงินซื้อ waffel กินกันคนละอัน ซึ่งถึงแม้จะแพง
จับใจแต่สำหรับลูกน้อยที่ตอนนี้หิวโหยและหนาวเป็นที่สุด ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่า waffel ร้อน ๆ หล่ะ
ครับ

เจ้านีรกินไปสั่นไป เพราะโต๊ะที่ทางร้านนำมาตั้งนั้นอยู่ใต้ลม นอกจากอากาศที่หนาวแล้วยังมีลมพัด
ตลอดเวลาอีกด้วย ตอนแรกเรากะจะกินกันแค่สามคนสองชิ้น แต่เนื่องจากเจ้านีรหิวมากก็เลยขอเพิ่ม
อีกอัน ซึ่งไอ้ชิ้นที่สองนี่เองที่ทำให้หนังท้องของน้องนีรตึง หนังตาก็เลยหย่อน ท่านเลยยอมขึ้นไป
นั่งจักรยานคันใหญ่แต่โดยดี และผมก็เลยต้องรับหน้าที่หิ้วจักรยานคันน้อยของเจ้านีรกลับบ้าน ใน
ขณะที่คุณแม่น้องนีรก็ต้องปั่นจักรยานขึ้นเขาลงห้วยแทนการวิ่งออกกำลังกายสมใจไป

ไม่มีความคิดเห็น: