วันพุธ, เมษายน ๐๙, ๒๕๕๑

ไม่อยากบ่น ไม่อยากว่า ขอด่าซะหน่อย

เชื่อไหมผมเคยไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติสองหรือสามครั้งจำไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะซื้อหนังสืออะไร
กันเยอะขนาดนั้น ปกติผมอ่านนิตยาสารเดือนละสองสามหัวหนังสือ แล้วอ่านหนังสือขนาด 2-4 ร้อย
หน้า เดือนละเล่ม (ไม่นับหนังสือเรียน) เรียกว่าพออ่านจบเล่มหนึ่งก็ซื้ออีกเล่มหนึ่งมาอ่าน อ่าน
หนังสือดีครับ แต่ไม่อ่านก็ไม่ตาย ฟังวิทยุก็ได้ บางรายการก็ชอบเอาหนังสือมาอ่านให้ฟัง ดูหนัง ดู
เกมโชว์ก็ดี(ไม่ดี แต่ดู MTV ต้องอวดกันไม่งั้นไม่ใช่คนมีการศึกษา) เดี๋ยวนี้กลายเป็นแฟชันไปแล้ว
ที่ไปซื้อหนังสือจากงานสัปดาห์หนังสือแล้วมาอวดกัน ทำไปทำไมวะ 

อ่านหนังสือนะดีครับ ทำอะไรก็ดีหมด ขอทีอย่าบ้าบอ เอาพอประมาณ อย่างไหนเรียกว่าพอ
ประมาณ มีจุดยืน

อย่างไหนเรียกว่าพอประมาณ อย่างอาจารย์ Kitty นี่เรียกว่าพอประมาณ แกทำของแกทุกปี และ
หนังสือก็ไม่ได้มากมาย เรียกว่าเพียงพอต่อการอ่านไป 2-3 เดือน (อ่านหนังสือไม่ใช่กินเหล้า จะได้
กระดก กระดก ต้องมีเวลาซึมและซับความเป็นเนื้อหาของหนังสือ เล่มนั้น ๆ ด้วย) อาจารย์ Kitty
ซื้อหนังสือนี่แนวเดียวกันซะส่วนใหญ่

อย่างของคุณชายขอบ เนี่ยอาจจะเกิน ๆ ไปซักนิด แต่มีแนวเพราะบอกได้ว่าซื้อมาทำไม และทำไม
ต้องซื้อแต่ออกจะแปลก ๆ ที่ซื้อคราวเดียวกันเยอะขนาดนั้น เพราะโดยปกติแล้วการได้ของมาซัก
หนึ่งชิ้นก็จะต้องมีการเปิดอ่านดู หรือพูดง่าย ๆ อ่านให้เร็วที่สุด ไม่งั้นก็ค่อย ๆ ทยอยซื้อก็ได้ นอก
จากบ้างเล่มที่อาจจะหมดตลาดถ้าไม่ซื้อตอนนั้น (หนังสืออย่างนี้มีเยอะเหมือนกัน) เสียเวลาเขียน
อธิบายน่าดูนะ ได้ประโยชน์?

อย่าง bact' เนี่ยเกินไป ถ้าพูดให้เพราะหน่อยก็ประสาท รับประกันไม่ต้องตามตรวจสอบเลยครับ มัน
อ่านไม่จบหรอก 10 ปีน่ะ  (ขอบเขตของเนื้อหามันกว้างไป ถ้าเป็นแนวทางเดียวกับที่เราสนใจขณะ
นั้นมันก็จะอ่านได้เร็ว) ดีนะที่ไม่ถึงขนาดถ่ายรูปมาอวด แล้วก็ร่ายอวดศักดาของหนังสือที่จะอ่าน
ด้วย (ทำอย่างกับว่าอ่านแล้วจะได้ดีตามหนังสือหรือรอบรู้เหมือนผู้แต่งงั้นหล่ะ อ่านสามก๊กแบบโง่ ๆ
ซักสิบจบก็ไม่ทันคนหรอกครับ--คึกฤทธิ์บอกว่าอ่านไม่รู้กี่จบ แต่อ่านเพราะว่าสามก๊กฉบับเจ้า
พระยาฯ นั้นเป็นความเรียงร้อยแก้วที่ดีมาก แกจะอ่านก่อนเขียนความเรียงร้อยแก้ว)

หนังสือนะครับอ่านแล้วต้องเก็บรายละเอียด (ผมอ่านบูมเล่มละ 4-5 เที่ยว ในหนึ่งสัปดาห์  มันมีอะไร
ซ่อนให้ค้นหาเยอะนะหนังสือแต่ละเล่มน่ะ) หนังสือบางเล่มอ่านแล้วก็โยนทิ้งกลางเล่มอย่าง "ขุนช้าง
ขุนแผน" เนี่ยอ่านไม่จบจริง ๆ มันลามกเกิน เป็นต้น

ตกลงเราซื้อหนังสือมาอ่านเพื่ออวดกันว่าเล่นนี้สุดยอดมึงต้องอ่านนะ หรือเราซื้อมาอ่านเพราะเรา
ต้องการความรู้ ความบันเทิง กันแน่  ทำอะไรก็ขอให้มันมีแนวกันหน่อย พูดให้เพราะก็ทำอะไรก็ขอ
ให้ใช้สมองกันหน่อย อย่าตามกระแสกันนัก ทำตัวเป็นคนแบบทักษิณกันไปได้

๒ ความคิดเห็น:

bact' กล่าวว่า...

เอ๋ มีสองที่ ?

http://tsvhh.wordpress.com/2008/04/09/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%82%E0%B8%AD/

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบบทความนี้ครับพี่ . . . ผมว่าบางคนมอง "หนังสือ" เหมือนสมบัติครับ . . .

ไม่ต่างจากบางคน ที่ซื้อกระเป๋า "กุชชี่" ตอนมันลดทีสามสี่ใบ แต่ก็ไม่ได้ใช้มันครบทุกใบ . . .

ไม่ต่างจากบางคน ที่ซื้อเสื้อ "เอ็มเอ็นจี" เป็นสิบๆตัว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้ใส่มันจนครบทันเซลรอบหน้า . . .

แล้วก็ไม่ต่างจากคนพวกหนึ่ง ที่ซื้อ "ไวน์" ทีเป็นสิบๆขวด ทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าเกิดต้องกลับประเทศตัวเอง จะทำยังไงกะมัน . . .

รู้สึกเหมือนกำลังเขียนด่าตัวเอง หะหะหะ