การศึกษาเมืองไทยพังเพราะใคร ข่าวนี้น่าจะยืนยันได้
- ศิริราชยันเด็กสอบได้ที่ 1 ของประเทศไม่สละสิทธิ เจ้าตัวเผยขอเรียนก่อนดร็อปคว้าทุน'คิง' -- มติชน
- แถลงโต้ที่1แพทย์อยู่ศิริราช -- ข่าวสด
จริง ๆ ผมว่าการศึกษาเมืองไทยมันไม่ได้แย่อะไรนะครับ เพียงแต่มันพึ่งเริ่มต้นสู่วงกว้าง เพราะเมื่อ
ก่อนการศึกษาเป็นเรื่องของคนมีอันจะกิน มีเงินเหลือกินก็ส่งลูกไปเรียน ปัจจุบันการศึกษาเป็นเรื่อง
ของทุกคนชาวบ้านชาวช่องก็ส่งลูกเรียนกันจนเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ไอ้คำพูดที่ว่า "ลูกฉันจบ
ปริญญาทุกคน" ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ ล่าสุดต้องพูดว่า "ลูกฉันจบด็อกเตอร์ทุกคน" อีกหน่อยค่า
นิยมเหล่านี้ก็คงจะหายไปเอง แล้วหันมาศึกษาหาความรู้ให้เข้ากับสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ สำหรับชีวิต
เรื่องนี้สำคัญนะครับเพราะบางคนอยู่นอกระบบมีอิสระทางความคิดแล้วก็ยังผลักดันตัวเองเข้าสู่ระบบ
เข้าสู่กรอบอีก ไม่เข้าใจเหมือนกัน ก็น่าจะเป็นเพราะว่าสังคมไทยเวลาอ้าปากพูดก็จะถูกถามก่อนว่า
จบอะไรมา ถ้าไม่ตรงกับเรื่องที่พูดก็จะถูกข้อร้องให้เลิกเถียงเพราะว่า "แม่กูเป็นพยาบาล" (นัยว่า
เถียงกันเรื่องรักษาพยาบาล แม่กูเป็นพยาบาลกูก็ต้องรู้ดีกว่ามึง) (ขอบ่นเพิ่มหน่อย บางคนไม่เข้าใจ
เรื่องการเว้นวรรคของภาษาไทย แทนที่จะไปศึกษาหาความรู้เรื่องการเว้นวรรคที่ถูกต้อง ดันไปใช้
จุดเพื่อแสดงการจบประโยค ต้องถามว่าการใช้จุดมันเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดหรือไม่ เพราะตราบ
ใดที่เรายังไม่รู้ว่าเราควรจะเว้นวรรคตรงไหน เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าควรใส่จุดตรงไหน ขำไหม)
กลับมาเข้าเรื่องการแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งของเด็กที่สอบเข้า ต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่วัฒนธรรมไทย
นะครับ แต่เป็นการสืบแนวความคิดจากอเมริกันชนโดยแท้ จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ เคยเล่นกันกับเพื่อน
จนถึงชั้นม. 1 ทีเดียว พอโตกว่านั้นถ้าใครไปเล่นก็ถือว่าเป็นเรื่องงี่เง่า การเล่นก็มีอยู่ว่า
"สัตว์อะไรตัวใหญ่ที่สุดในโลก" "อ๋อปลาวาฬน่ะสิ" "ไม่ใช่ปลาวาฬท้องแก่ต่าง
หาก" "ใครว่าปลาวาฬชุบแป้งทอดโว้ย" "งั้นไอ้กะทะที่ทอดปลาวาฬสิวะใหญ่
กว่า" ... "แม่กูเป็นครูนะเดี๋ยวกูจะพ่อแม่กู" ...
เรื่องนี้จบไงไม่รู้ แต่อาจจะไปถึงรัฐมนตรีได้เลย
เรื่องของข่าวคือเป็นการแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งของประเทศ เริ่มจากมีการเสนอข่าวเด็กสาว
(อัจฉริยะ--คำฟุ่มเฟือยของคนไทยซึ่งหาตัวอย่างได้ทั่วไปตามมหาวิทยาลัย) อายุ 16 สอบได้ที่หนึ่ง
ของประเทศในสาขาแพทย์ และเลือกเข้าแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ เรื่องน่าจะจบลงปรกติ น่ายินดีกับเด็ก
เก่ง แต่แล้ววันต่อมา
นายวรัตน์ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงจริง แต่สามารถรักษาสิทธิ์ของตนเองไว้ได้ กระแสข่าวที่ว่าสละสิทธิ์ออกไปไม่ทราบว่าออกไปได้อย่างไร เพราะความจริงคือนักเรียนที่ได้อันดับ 1 ของกลุ่ม กสพท.ยังคงเป็นนักเรียนที่สอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
ทางจุฬาก็ออกมาโต้ว่า
ด้านน.พ.อดิศร ภัทราดูลย์ คณบดีคณะแพทย ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปีนี้นักเรียนที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ที่สอบเข้าคณะแพทย์ จุฬาฯ คือ น.ส.ธัญชนก ธีรรัตน์กุล จากร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ ได้คะแนน 79.9443 ซึ่งขณะนี้มารายงานตัว สอบสัมภาษณ์ และทำสัญญาการเรียนแพทย์ เมื่อจบแล้วจะชดใช้ทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามกรณีของนักเรียนทั่วไปเมื่อรายงานตัวแล้วและเรียนไปได้ระยะหนึ่ง หากได้รับทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ ก็สามารถลาออกจากคณะเพื่อเดินทางไปต่างประเทศได้ โดยปกติแล้วเด็กที่ได้ทุนและลาออกไปศึกษาต่อจะได้ทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งเด็กส่วนใหญ่เมื่อได้ทุนนี้แล้วจะไม่ค่อยปฏิเสธ เพราะถือเป็นเกียรติของวงศ์ตระกูล ดังนั้นก็จะสละสิทธิ์จากการเรียนแพทย์ เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ
ถึงนักข่าวจะจ่อปากถามและตั้งคำถามนำ ถ้าเป็นผม ๆ ผมจะตอบว่า
เรื่องใครได้ที่หนึ่งนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเราทำอย่างไรให้หมอที่จบออกไปจากเรามีจริยธรรม และสามารถรักษาจรรยาบรรณได้
ดีนะที่เป็นข่าวการศึกษาพูดกันไม่กี่ฉบับและก็คงลงแค่วันเดียว ถ้าเป็นข่าวดาราละก็สนุก
1 ความคิดเห็น:
รู้สึกเหมือนโดนด่ากลายๆเรื่องการใช้จุด . . . ผมว่าภาษาทั้งภาษาพูดและเขียนมันมีวิวัฒนาการของมันตลอดครับ (อันนี้ผมนักภาษาศาสตร์คนหนึงเคยพูดกับผมตอนผม argue เค้าเรื่องระบบของภาษา) . . . จริงๆคนที่ใช้จุด อาจจะไม่ใช่เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องวิธีการเว้นวรรคก็ได้ . . . ส่วนตัวผมว่าการเขียนโดยมีจุดเพิ่มด้วย ไม่ได้เป็นข้อเสียอะไร และในหลายๆกรณีเป็นความจำเป็นด้วยครับ . . . ผมคิดว่าการ "สื่อ" ที่ดีที่สุดคือการทำให้เป้าหมายของบทความเราสามารถ "เข้าถึง" ข้อมูลของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยไม่ยึดติดกับขนบหรือข้อจำกัดใดๆครับ . . . แตถ้าพูดถึงเรื่อง "อ่าน" ผมไม่มีปัญหาในการอ่านงานเขียนทั้งสองรูปแบบครับ . . .
กลับมาเรื่องการศึกษา . . . อ่านข่าวแบบนี้แล้วเศร้าครับพี่ ระบบแบบไทยไทย มักจะยึดติดกับเปลือกนอก มากกว่าแก่นสาร . . . เรื่องการศึกษาก็ไปในแนวนี้เหมือนกัน พี่ว่าปะ . . .
แสดงความคิดเห็น