วันเสาร์, เมษายน ๒๖, ๒๕๕๑

West Germany - Luxemburg -Belgium Trip - ตอนที่ 2

จากตอนที่แล้ว

สาเหตุของการไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้มีสาเหตุอะไร เป็นเป็นการไปเที่ยวประจำต้นปีของครอบครัวเรา
ซึ่งโดยปกติแล้วครอบครัวเราจะไปเที่ยวกันปีละสองครั้งคือต้นปีกับปลายปี ต้นปีส่วนใหญ่จะเป็น การ
ไปเที่ยวใกล้ ๆ และไม่ได้จริงจังอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการไปเที่ยวเพื่อเยี่ยมเยือน หรือเที่ยว วัน
หยุดยาว ๆ แบบอีสเตอร์เท่านั้นเอง และก็เหมือนทุกต้นปีที่เราจะมีเวลาเตรียมตัวไม่มาก เรียก ว่า
ตัดสินใจได้ก็ไปเลย และเพื่อให้การเดินทางประหยัดยิ่งขึ้นเราได้ซื้อตั๋ว Tchibo Ticket เตรียม ไว้ ซึ่ง
ตั๋วนี้ทำให้เราประหยัดเดินทางทั่วประเทศเยอรมันได้ในราคาเพียงเที่ยวละ 29 ยูโร และค่อน ข้างจะ
สะดวกสบาย เพราะวันเดินทางผู้ใช้จะ็สามารถเขียนจุดหมายปลายทางก่อนขึ้นรถได้เลย ไม่ ต้องจอง
ตั๋วเลือกเที่ยวให้ลำบาก อยากขึ้นคันไหนเวลาไหนก็ขึ้นเลย ขอแค่เขียนปลายทางให้ชัดเจน เป็นพอ
แต่ต้องระวังนะครับตั๋วนี้ถ้าเขียน ๆ ลบ ๆ ก็จะโดนหาว่าเจตนาโกง โดยปรับแน่นอน

เราเริ่มต้นการเดินทางออกจากฮัมบวร์กประมาณ 10 โมงเช้าโดยรถไฟ IC ไปยัง Düsseldorf เป็น
อันดับ แรก ซึ่งเราเลือกเวลาและทำเวลาได้ดี นอกจากรถว่างมาก ๆ แล้วเวลายังไม่แน่นจนต้องรีบ
อะไร เมื่อถึง Düsseldorf เราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้เลย รู้แค่ว่าเวลาไปอังกฤษต้องขอวีซาที่
นี่เท่านั้นกับ รู้ว่าเมืองนี้เป็นเมือง Outlet สถานีรถไฟและสายรถไฟฟ้าใต้ดินไม่ได้คุ้นหน้าคุ้นตาเหมือน
ที่ฮัมบวร์ก กว่า จะเลือกสายเลือกเที่ยวก็ต้องโทรถามน้องเทนตลอด (ระบบตั๋วในเยอรมันต้องซื้อตั๋ว
ให้ดี เพราะมันจะทำ ให้ประหยัดเงินไปได้เยอะ) หลังจากที่เข้าพักที่โรงแรมบ้านน้องเทน แล้วพัก
ทานน้ำขนมจนหายเหนื่อย เรา ก็รอจนเจ้าตัวเล็กคุ้นเคยกับสถานที่และเข้าที่เข้าทาง จากนั้นเราก็
ตรงรี่ไปยัง Outlet หาของถูกจนเป็นที่ พอใจแล้วก็กลับเข้ามาที่ ๆ พัก มาเจอกับน้องแซนโดยวัตถุ
ประสงค์หลักคือให้น้องแซนพาไปเลี้ยงอาหาร เกาหลีตามที่ถูกบีบคอให้สัญญาไว้ ข้อมูลควรรู้อีก
อย่างของ Düsseldorf ก็คือเมืองนี้มีคนญี่ปุ่นอยู่เยอะ ซึ่งไม่เกี่ยวกับร้านอาหารเกาหลีที่เราจะไปกิน
กัน

คนซ้ายคือน้องเทนผู้ให้ที่พักพิง คนขวาคือน้องแซนผู้ยินดีเลี้ยงอาหารเกาหลี ครอบครัวเราก็โชคดี
อย่างนี้ แหละ การไปพักกับเพื่อน ๆ นั้น สิ่งที่คุณต้องเตรียมไปก็คือเครื่องนอน เพื่อไม่ให้ขาดไม่ให้
เหลือก็ควรจะตรวจ สอบกับเจ้าของบ้านก่อนว่ามีเครื่องนอนให้หรือเปล่า งวดนี้เนื่องจากไปพักบ้าน
น้องเทนกันถึงสี่คน ไม่มี ทางที่เจ้าของบ้านจะมีเครื่องนอนให้พออยู่แล้ว ก่อนเดินทางเราก็จำเป็น
ต้องซื้อถุงนอนอย่างดีราคาตั้ง 89 ยูโร แต่เราซื้อในราคาลดแล้วลดอีกเหลือแค่ 10 ยูโรเท่านั้น แรก
ๆ ก็ไม่ค่อยจะถูกใจเท่าไหร่ เพราะ มันทั้งหนาทั้งหนัก แต่พอเอามาใช้งานจริงจังมันเยี่ยมมากเลย
ครับ น้องเทนนอกจากจะมีที่ให้พักพิงแล้ว ยังลงทุนซื้อเตียงใหม่จาก IKEA ไว้รับแขกอีกด้วย งานนี้
แขกไม่ได้ช่วยต่อเตียงแต่ได้ช่วยต่อโต๊ะกินข้าว ให้

หลังจากพักผ่อนนอนหลับกันจนอิ่มเมื่อคืนแล้ว เราก็ออกเที่ยวโดยเป้าหมายก็คือเที่ยว Düsseldorf
และ เมืองใกล้ ๆ ที่ผมขอร้องให้ไปให้ได้คือผมจะไปนั่ง Schwebebahn ที่เมือง Wuppertal ดังที่
ได้กล่าว ไปแล้วในตอนที่หนึ่ง ดังนั้นวันนี้เราจึงเที่ยว Düsseldorf ในช่วงเช้านิดเดียวเท่านั้น ไว้
ตอนเย็นจะกลับมา เที่ยวใหม่

Düsseldorf ในสายตาผมแล้วก็คือไม่มีอะไรให้เที่ยวนั้น แต่น่าอยู่สงบเงียบและมีธรรมชาติที่สวย
งาม เมืองสองฝั่งแม่น้ำไรน์ถ้าอากาศดีไม่ได้หนาวสะท้านอย่างวันที่ไป ก็จะเป็นสถานที่ที่น่านั่งเล่น
พักผ่อนเป็น อย่างยิ่ง

Düsseldorf ยังมีการจัดการแข่งขันตีลังกาประจำทุกปี และก็มีถนนบาร์ที่นับรวมกันทุกซอกซอยแล้ว
ยาวที่ สุดในโลกอีกด้วย

จากนั้นเราก็เคลื่อนทัพไปยังเมือง Wuppertal เมืองในเขต North Rhine-Westphalia เมืองที่จริง
ๆ แล้วมีจุดเด่นแค่ รถ monorail แบบแขวนและวิ่งเหนือ Wupper river 12 เมตรเท่านั้นเอง แต่จริง
ๆ ก็มีอะไรพอให้เที่ยวบ้างเช่น พิพิธภัณฑ์นาฬิกา ซึ่งวันที่ไปมันปิดก็เลยไม่ได้เข้าไปดู

หลังจากเดินสำรวจทั่วตัวเมืองแล้วเราก็ออกเดินทางด้วยการโดยสารรถไฟฟ้าที่แขวนเหนือน้ำ 12
เมตร โดย ตัวสถานีมีหน้าตาแบบนี้

ทุกอย่างก็เหมือนสถานีรถไฟฟ้าทั่วไปในเยอรมัน ซึ่งมีทั้งบนดิน ใต้ดิน ลอยฟ้า ต่างกันแต่ว่ารถไฟฟ้า
ที่เมือง นี้มันลอยมา

ภายในรถก็เหมือนรถไฟฟ้าทั่ว ๆ ไปอีกนั่นแหละ ต่างกันตรงที่ว่ามันแกว่งตลอดทาง ยิ่งเวลาเข้าโค้ง
แล้วหล่ะ ก็ คนขับจะเข้าโค้งแบบมันสุด ๆ เหมือนหนึ่งว่ากำลังนั่งรถไฟฟ้าในสวนสนุกทีเดียว และที่
ตื่นเต้นมากก็ตอน ที่เข้าโค้งแล้วพวกเรามองออกไปนอกหน้าต่าง ตัวรถที่อยู่เหนือแม่น้ำวิ่งด้วยความ
เร็วสูงพร้อมกลับแกว่งไป แกว่งมา เป็นที่น่าหวาดเสียวต่อผู้ที่มาใหม่ยิ่งนัก ในขณะที่ผู้คนเมืองนี้ทำ
หน้าเบื่อ ๆ เพราะพวกเขาต้องนั่ง รถที่ว่าไปไหนต่อไหนกันทุกวันอยู่แล้ว คงนึกในใจว่าไอ้พวกนี้มันมา
ตื่นเต้นอะไรกัน

ภาพข้างล่างแสดงให้เห็นรางรถไฟที่อยู่ข้างบน และช่วงเลี้ยวโค้งที่จะเห็นได้ว่าโค้งมาก ๆ

สนุกที่สุดเห็นจะเป็นคนนี้ ก่อนจากก็ขอยืนเท่ ๆ ถ่ายรูปซะหน่อย

รถแขวนนี้ ผู้มาเยือนสามารถใช้ตั๋วรัฐ ตั๋วสุดสัปดาห์ ขึ้นได้โดยไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติม เพราะว่ามัน
เป็นรถ โดยสารปกติจริง ๆ การนั่งรถไฟที่เมืองนี้ทำให้นึกถึงคำพูดของใครบางคนที่เคยหาเสียงเลือก
ตั้งผู้ว่า กทม ฯ ว่าจะทำรถรางเรียบคลองแสนแสบ แล้วก็มีคนแย้งว่าต้องทำแบบที่เมือง
Wuppertal
นี่ แต่สุดท้ายไม่ว่า ใครจะได้เป็น การสร้างจริง ๆ ก็ขึ้นกับรัฐบาลสมัยนั้น ๆ ด้วย ว่าจะ
เห็นด้วยหรือไม่

จริง ๆ เราวางแผนจะไปเที่ยวเมืองอื่นใกล้ ๆ แต่ติดด้วยอากาสที่แย่มาก ๆ นอกจากหนาวแล้วยังมืด
คลึ้ม ก็ เลยตกลงใจพากันกลับมาที่ Düsseldorf เมืองที่น่าชม น่าอยู่ แต่ไม่มีอะไรให้เที่ยว เขาก็
เลยทำอะไรให้ น่าจดจำหลายอย่างอยู่เช่น หอสูงที่ต้องเสียเงินขึ้นเลยไม่ขึ้น

ตึกรูปทรงแปลก ๆ ที่หาดูได้ยากเหมือนกัน อย่างตึกที่มีรูปทรงบูดเบี้ยว

ตึกที่มีรูปทรงประหลาด แปลก ๆ บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน

ขณะที่เราดูตึกไปนั้นลมแรงและอุณหภูมิต่ำมาก ๆ ทำให้ไม่ได้พินิจพิจารณาอะไรมากนัก สามารถ
เรียกได้ว่า มาเที่ยวเพื่อดูเป็นบุญตาเท่านั้น และถ้าไม่รีบกลับที่พักก็อาจจะได้ใ้ช้ผลบุญในเวลาไม่
นาน

ขากลับเราตัดสินใจเดินกลับ เพื่อที่จะได้ผ่านวิวสวย ๆ ของเมือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเห็น
ได้ทั่วไป ตามหนังสือท่องเที่ยว

ถ้าเดินรอบ ๆ เมือง Düsseldorf ก็จะรู้สึกได้นะครับว่าจะพบเห็นต้นไม้หน้าตาอย่างรูปข้างล่างอยู่เต็ม
ไป หมด ได้ความจากน้องเทนว่าเคยมีผู้ว่าการเมืองคนหนึ่งเอามาปลูกไว้เนื่องจากมีความชอบเป็น
พิเศษ ก็เลย เห็นต้นไม้แบบนี้ได้ทั่วไปหมด

จริง ๆ Düsseldorf เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและน่าอยู่ เป็นเมืองที่มีสิ่งน่าสนใจเยอะ สะอาดเรียบร้อย
และ สวยงาม (แต่ไม่มีอะไรให้เที่ยว) เป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อจักรยานที่สุดในเยอรมัน และอีกมากมาย
(หาอ่าน ได้ตามหนังสือท่องเที่ยวทั่วไป) เสียดายที่เราไม่ได้สนใจมากนัก เพราะเป้าหมายหลักของ
การมาที่นี่ก็คือ มาเยี่ยมน้องเทน และเก็บภาพถ่ายกับความทรงจำที่ดีเท่านั้น

เช้าวันพรุ่งนี้เราจะต้องย้ายเมืองแล้ว มีเรื่องราวมากมายที่เราจะต้องเจอะเจอในการเดินทางผ่านสาม
ประเทศ ในหนึ่งวันในสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองหลวงของยุโรป
Brussel นั่น เอง

ไม่มีความคิดเห็น: