วันศุกร์, ตุลาคม ๑๗, ๒๕๕๑

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 3 เที่ยววันแรก

อ่านตอนเก่า ๆ ได้ที่

  1. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 1 เหนื่อยมากขอบอก
  2. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน - ตอนที่ 2 ครึ่งวันแรก

หลังจากที่เราพักผ่อนและเปลี่ยนอิริยาบทจากการนั่งรถไฟอันยาวนานแล้ว เราก็เริ่มวางแผนว่าจะ
เที่ยวอย่างไรให้ไม่ต้องกลับมาอีก และเพื่อหลีกเลี่ยงคำถามที่จะมีคนมาถามว่าได้ไปนั่นมาหรือ
เปล่า ได้ไปนี่มาหรือเปล่า ทำให้ 5 วันกลายเป็นวันที่ทั้งประทับใจ ทั้งเหนื่อย ที่น่าแปลกใจคือวันที่
สองเจ้าตัวน้อยถึงกับสลบไปตั้งแต่หัวค่ำและนอนยาวไปถึงเช้า เท่าที่รู้น้อยครั้งมากที่เจ้านีรจะเป็น
อย่างนั้น

จากโรงแรมที่เราพักนั้นเดินลงเขามานิดเดียวก็ถึงป้ายรถรางที่เป็นชุมทาง คือมีรถรางสามสี่สายวิ่ง
ผ่านจากตรงนี้จุดแรกที่เราจะไปคือโรงแรมที่น้องชายของภรรยาพัก ไปไม่เจอก็เลยฝากข้อความ
ไว้กับเจ้าหน้าที่ แล้วเราก็มุ่งหน้าเข้าเมืองโดยมีเป้าหมายว่าเดินเล่นรอบ ๆ ไม่เที่ยวเจาะที่ได้ที่หนึ่ง

จุดแรกที่ไปนั้นเป็นสถานีรถรางใหญ่แล้วเราก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะไปเจอสถานที่ข้างบน
ด้านขวามือเป็นโรงโอเปร่าที่สวยงามที่ชื่อ Municipal House ที่ดูใหม่และขัดแย้งกับด้านซ้ายมือ
อย่างยิ่ง ซึ่งด้านซ้ายคือ powder gate tower สีดำเมี่ยมเลย (แสดงว่าเก่ามาก) จริง ๆ เรามี
โปรแกรมจะขึ้นไปข้างบนด้วยแต่ไม่ได้ขึ้น เข้าโรงโอเปร่าก็ไม่ได้เข้าเพราะเกรงว่าเจ้าตัวน้อยจะ
ไปรบกวนคนอื่น อีกอย่างไม่มีเงินและแต่งกายไม่เหมาะสมในการเข้าชมด้วย จุดนี้ผู้คนพลุก
พล่านมากและวันแรกเจ้าตัวน้อยก็ทำเรื่องที่น้อยคนนักจะได้ทำอีกแล้ว คือการยืนฉี่ข้างตู้
โทรศัพท์ตรงข้าม Municipal House นั่นและ บ้านเราเวลาสุดปัญญาจริง ๆ ก็จะท่องคาถาว่า
"หมายังเี่ยี่ยวได้ ทำไมเด็กจะฉี่ไม่ได้" จริง ๆ เจ้าตัวน้อยหลังจากที่ปฏิเสธผ้าอ้อมสำเร็จรูป
ท่านก็สร้างวีรกรรมไว้หลายครั้ง ที่ปรากนี่ก็นับไม่ถ้วน

พอเดินทะลุตัวป้อมเข้ามาก็จะเห็นฉากหลังของ powder gate ซึ่งสวยงามมากทีเดียว ประกอบ
กับวันแรกฟ้าสวย ถึงแม้กล้องจะไม่ดีก็ัยังพอได้ภาพสวย ๆ (รูปแต่งนิดหน่อย)

เดินชมนกชมตึกไปเรื่อยคุณก็จะมาถึงจุดที่เรียกว่า Old town square ตรงนี้ผมคอยเตือน
ภรรยาว่ายังเรายังไม่เที่ยวแค่สำรวจ (ผมบ้าเนาะ) ที่นี่เป็นจุดที่ผู้คนเยอะมาก และสำหรับวัน
แรกนี่เราก็ไม่คิดเลยว่าเราต้องมาที่นี่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะมันสวยประทับใจอะไรมาก แต่ขากลับ
โรงแรมนึกอะไรไม่ออกก็มาที่นี่ก่อน ที่ Old town square มีสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ให้ดูเยอะ
มาก ๆ และเป็นโชคดีที่เราเข้าไปข้างในได้หมด ซึ่งจะมาเข้าวันหลัง

โบสถ์ St. Nicholas Church ศิลปะบาร็อก ถ้ามองจากจุดที่เดินมาก็จะอยู่ทางด้านซ้ายมือสุด
และถ้าคุณหลังกลับไปหลังจากเดินมาได้นิดหน่อย คุณก็จะได้เห็นโบสถ์สองยอดที่สวยงามเป็น
จุดที่เด่นที่สุดของฟากนี้ (เข้าฟรี ข้างในสวยงามทีเดียว)

ซึ่งโบสถ์ที่ว่านี้มีชื่อว่า Týn Cathedral ซึ่งชื่อเต็ม ๆ คือ The Church of Our Lady in front of
Týn ถึงตรงนี้พอพ่อแม่เริ่มมัน ลูกน้อยก็เริ่มเบื่อ ไม่รู้จะชื่นชมความงามอะไรกันนักหนา วิธีแก้ก็ต้องตาม
ใจลูกบ้าง ชี้ชวนให้ดูโน่นดูนี่มั่ง ให้เข็นรถเข็นบ้าง ก็พอจะลดความหงุดหงิดของเจ้านีรลงได้บ้าง

นี่ไง หลังจากได้เข็นรถเข็น อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้

ที่เห็นในรูปข้างบนคือ Old Town Hall ที่เป็นที่ตั้งของ Astronomical Clock อันโด่งดัง ใครผ่านมา
ที่นี่ก็จะทำสองอย่าง
คือถ่ายรูปกับนาฬิกาและรอดูตุ๊กตาไขลาน อันนี้ต้องขอบอกว่าถ้าใครจะไป
มึนเซ่น(มิวนิค)
ต่อก็ไม่ต้องเสียเวลาดู เพราะที่ศาลาว่าการเมืองที่นั้นมีตุ๊กตาไขลานที่น่าดูกว่า
เยอะ
แต่ถ้าใครไม่ได้ไปเยอรมันต่อ ตรงนี้ก็น่าดูมาก อย่างน้อย ๆ ก็ได้ร่วมตื่นเต้นกับฝูงชนเพื่อคอย
ชี้ชวนให้เล็งตุ๊กตาไขลานที่ว่า ใน Old Town Hall มีไกด์ รถม้า เอกชน ไว้บริการมากมาย และข้าง
ในก็มีห้องน้ำ (เสียเงินเล็กน้อย) และข้อมูลบริการนักท่องเที่ยว วันนี้เรายังไม่ขึ้นไปข้างบน ซึ่งจะมา
ขึ้นในวันหลัง

ช่องหน้าต่างด้านบนนาฬิกานี่แหละ ที่ผู้คนให้ความสนใจมากกว่านาฬิกา สำหรับตัวผมก็ตื่นเต้น
ไม่ใช่น้อย เพราะคนพยายามชี้ให้ดู แต่ก็มองไม่เห็น ตรงนี้คุณอาจจะได้พบเจอคนไทยด้วย

แม่คนสวยกับลูกชายสุดหล่อก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย สังเกตเจ้านีรครึ่งบน(ส่วนหัว)นั้น
เหมือนแม่ยังกะโขกดินน้ำมันออกมา

มุมที่สวยที่สุดของ Old Town Square ในสายตาผม ช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วงเป็น
ช่วงที่เหมาะสมกับการเที่ยวมากที่สุด เพราะอากาศไม่ร้อนและแสงแดดมียาวไปถึงสองทุ่ม ที่แย่
หน่อยก็คือมันเป็นฤดูท่องเที่ยว ถ้าอยากพักโรงแรมค่าที่พักจะแพงขึ้นมาก ตรงบริเวณตรอกที่เห็น
ในรูปข้างบน ด้านซ้ายมือจะมี hostel ที่ว่ากันว่าดีที่สุดด้วย แต่ต้องจองกันนานหน่อย จากตรงนี้เรา
ก็เดินกลับหลังแล้วเดินตรงออกมา

เดินตรงไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามทางไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอสิ่งที่ทุกคนถามหาเมื่อมาเยือนปราก นั่นคือ
Charles Bridge, Prague ภาพที่เห็นตรงเบื้องหน้าคือ Old Town Bridge Tower จุดเริ่มต้นด้าน
หนึ่งของสะพานที่มีชื่อเสียง ทั้งตัวหอคอยและตัวสะพานนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเป็น
สัญลักษณ์ของปราก น่าเสียดายจริง ๆ ที่ช่วงที่ไปสะพานปิดซ่อมพื้นบางส่วน ทำให้จำนวนคนขาย
ของนั้นน้อยลงไป และรูปปั้นบางรูปก็ไม่สามารถถ่ายได้ ซึ่งรูปปั้นแต่ละอันนั้นจะมีประวัติรวมถึง
ความเชื่อต่าง ๆ ที่ผู้คนจะต้องไปสัมผัส แน่นอนครอบครัวเราก็มาที่นี่ทุกวันเหมือนกัน

ภาพถ่ายปราสาทปราก ปราสาทโบรณาณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จริง ๆ แสงหมดแล้ว ภาพ
ที่เห็นนั้นมีการแต่งแสงพอสมควร วันพรุ่งนี้เราวางแผนจะไปเที่ยวที่นั่นกัน พอถ่ายรูปชุดนี้เสร็จ
ก็ทุ่มกว่าแล้ว เราต้องรีบไปขึ้นรถรางเพื่อไปซื้อของที่ Tessco ที่เปิดแค่สองทุ่ม พอลงรถราง
ได้เราก็วิ่งเข้าห้าง Tessco ทันที ของที่ซื้อก็คือน้ำดื่ม ข้าวหอมมะลิ (เราเอาหม้อหุงข้าวมาด้วย
ก็ต้องประหยัด) ขนมปัง ผักสด นมสด แอปเปิล ที่ขาดไม่ได้คือไก่รมควันทั้งตัว รายการหลังเนี่ย
ได้ประสบการณ์จากตอนที่ไปเที่ยวปารีสคราวก่อน เพราะตัวหนึ่งกินได้สามวันทีเดียว แถมราคา
แค่ประมาณสามยูโร เวลากินก็ง่ายเนื่องจากสุกแล้ว ยัดเข้าไมโครเวฟสองสามนาทีเป็นอันกินได้
ซื้อไปซื้อมาของเต็มสองมือ

ที่ปรากนั้นมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือคนที่อายุประมาณ่ห้าสิบขึ้นไปนั้น พวกนี้จะไม่ค่อยยิ้มแย้มและ
เป็นมิตรเท่าไหร่ เนื่องจากผ่านช่วงลำบากมาเยอะ สงคราม อยู่ภายใต้การปกครองของโซเวียต
คนแก่ที่นี่จะพูดภาษาเยอรมันได้ เพราะว่าปรากเคยตกเป็นของนาซีอยู่พักหนึ่ง และจะพูดภาษา
อังกฤษไม่ได้ แต่คนหนุ่มสาว (หน้าตาดูดีกว่าเยอรมัน) จะพูดภาษาอังกฤษกันคล่อง
(อันนี้น่าจะเป็นข้อพิสูจน์อันหนึ่งว่า ภายใต้การปกครองของโซเวียตผู้คนไม่น่าจะมีความสุขกัน)

ก่อนกลับบ้านเราำแวะโรงแรมที่น้องชายของภรรยาผมพัก แล้วเจ้าตัวเล็กก็ได้ของฝากจากเมือง
ไทยเพียบ ที่ถูกใจสุด ๆ เห็นจะเป็นชุดนี้ (น้องสาวภรรยาซื้อฝากมา)

เจ้าตัวเล็กใส่ไม่ยอมถอด ใส่กระโดดไปกระโดดมาอยู่เป็นชั่วโมง ขณะที่กำลังจะออกลาดตระเวณ
ก็สะดุดขากางเกงหัวฟาดพื้นดังตุบ คราวนี้เจ็บหนักเก็บอาการไม่อยู่ปล่อยโฮออกมาสามสิบวินาที
แล้วก็ซ่าต่อ

ไม่มีความคิดเห็น: